โลกของเราเต็มไปด้วยอันตราย ทั้งทางตรงและทางอ้อม การฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้บ้าง น่าจะเป็นแนวทางในการป้องกันอันตรายที่ดี ซึ่งศิลปะการต่อสู้ประเภทต่าง ๆ มีสไตล์การต่อสู้ เป็นแบบเฉพาะตัว ถ้าหากใครได้ฝึกฝนจนชำนาญ ย่อมเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อย หากเจอสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นมาดู 5 ศิลปะการต่อสู้ ที่ดีที่สุดในโลก 5 อันดับ ดังนี้
5 ศิลปะการต่อสู้ ที่ดีที่สุดในโลก
1. กังฟู

กังฟูเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณ ที่มีต้นกำเนิด มาจากประเทศจีน หลักการต่อสู้แบบไม่ใช้อาวุธนี้ เป็นได้ทั้งการโจมตี และป้องกันตัวเองได้ นักรบจีนใช้กังฟูกันอย่างแพร่หลาย มีท่วงท่าที่สามารถ สร้างพลังจู่โจมอันมหาศาล ให้ศัตรูแพ้พ่ายได้ ซึ่งมีรูปแบบและสไตล์ที่แตกต่างกันไป
ส่วนกังฟูที่โด่งดังไปทั่วโลก น่าจะเป็นกังฟูของเส้าหลิน ที่มีเทคนิคการต่อสู้แบบผสมผสาน และสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งความร้ายกาจของกังฟูเส้าหลิน ที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ระบุว่าพระเส้าหลินปะทะกับโจรสลัด มากกว่า 100 ราย สามารถชนะและบาดเจ็บเพียง 4 ราย เท่านั้น ดังนั้นการฝึกฝนกังฟูจนเชี่ยวชาญ จะสามารถต่อสู้กับศัตรู และเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี
2. มวยไทย

ในปี พ.ศ. 2475 หลังการปฏิวัติสยาม ถือเป็นจุดกำเนิดของมวยไทย ที่ใช้หลักศิลปะการต่อสู้ แบบแปดแขนขา ไม่ว่าจะเป็นหน้าแข้ง ศอก หัวเข่า และมือ ในการต่อสู้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ถือเป็นรูปแบบหนึ่ง ของการต่อสู้ ที่ใช้ร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้แทบทุกส่วน แต่ต้องมีการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ เพราะกว่าจะเตะต่อย ได้อย่างรุนแรง ก็ต้องสร้างความยืดหยุ่น ให้กับร่างกายเสียก่อน เพราะบางครั้ง ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ มีการเตะที่สูงมาก ๆ ถ้าร่างกายยึดหยุ่นไม่พอ กล้ามเนื้ออาจฉีกได้
หากเราได้ฝึกจนเชี่ยวชาญแล้ว มวยไทยก็จะกลายเป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ จะสังเกตได้จาก การแข่งขันมวยไทย จะต้องทาน้ำมันก่อนที่จะต่อสู้ทุกครั้ง เพื่อลดความรุนแรง ที่อาจเกิดขึ้นกับคู่ต่อสู้ นั่นเอง
3. คาราเต้

ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น ในยุค 60 และ 70 ของอาณาจักรริวกิว อย่าง “คาราเต้” ถือเป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่ซับซ้อน และอันตรายมาก ๆ เพราะการชกเพียงครั้งเดียว สามารถจบชีวิตคน ๆ หนึ่งได้เลย ในภายหลังปี 1935 ศิลปะการต่อสู้ด้วย “มือเปล่า” นี้ ถูกระบุว่า มีต้นกำเนิดจากโอกินาว่า ของญี่ปุ่น ผู้ฝึกฝนคาราเต้ นอกจากจะใช้ต่อสู้ ป้องกันตัวเองได้แล้ว ปัจจุบันยังเป็นกีฬา ที่ได้รับการยอมรับ จากผู้คนทั่วโลก
คาราเต้ถือเป็นศิลปะที่มากด้วยจิตวิทยา เพราะนอกจากจะถูกสอน ให้สามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้แล้ว แต่ครูผู้สอนคาราเต้ ยังสอนให้ศิษย์ รู้จักการอ่อนน้อมถ่อมตน และอดทนจากการยั่วยุ ของคู่ต่อสู้ ดังนั้นคาราเต้ จึงมีทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นองค์ประกอบที่สมดุล ในการต่อสู้อย่างชาญฉลาด
4. ยูยิสสู (บราซิล)

ชื่ออาจไม่คุ้นสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าพูดถึง BJJ หรือ Brazilian Jiu-Jitsu อาจจะพอรู้จักกันบ้าง เพราะแนวคิดการป้องกันตัวประเภทนี้ เป็นศิลปะการต่อสู้ที่ไม่จำกัดขนาด นั่นคือ คนตัวเล็ก ก็สามารถล้มคนตัวใหญ่กว่าได้ เป็นการต่อสู้ที่มาจาก Jiu-Jitsu ของซามูไรโบราณ ที่ใช้หลักการสู้แบบประชิดตัว ของคู่ต่อสู้ แล้วค่อยใช้มือและวงแขนล็อค แล้วบีบคอให้อยู่หมัด
ยูยิสสูสามารถล้มคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าได้แบบง่ายดาย แต่ด้วยเทคนิคมากมาย ไม่สะดวกกับการใช้งานจริง ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น Hélio Gracie ลูกชายคนหนึ่ง ของครอบครัว Gracie ในบราซิล จึงสร้าง Brazilian Jiu-Jitsu ในแบบของตัวเอง เป็นได้ทั้งการต่อสู้ตามท้องถนน รวมถึงกิจกรรมสันทนาการที่ดีมากในปัจจุบัน
5. เวล ทูโด (Vale Tudo)

ศิลปะการป้องกันตัว ที่ได้รับความนิยมของบราซิล ในช่วงศตวรรษที่ 20 มีชื่อว่า Vale Tudo หมายถึง “อะไรก็ได้” ซึ่งเป็นสไตล์การต่อสู้ แบบคาดเดาไม่ได้เลย เพราะผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นี้ จะมีการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย เดาทิศทางยาก และในที่สุด ก็อาจทำอันตรายถึงชีวิตแก่คู่ต่อสู้ จึงเป็นการต่อสู้ที่อันตราย แต่ก็มีประสิทธิภาพมาก
Vale Tudo ได้รับอิทธิพลมาจาก BJJ และมวยไทย ซึ่งภายนอกเต็มไปด้วยการปะทะ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า เวล ทูโด เป็นวิธีการป้องกันตัว มากกว่าการต่อสู้แบบทำร้ายกัน ดังนั้นถ้าเลือกใช้ให้ถูกวิธี การต่อสู้ประเภทนี้ ก็จะไม่ทำร้าย หรือเป็นอันตรายกับบุคคลอื่น
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย คุณสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ ในการป้องกันตัวได้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรจำให้ขึ้นใจ คือ ไม่ว่าคุณจะใช้ศิลปะการต่อสู้ ประเภทไหนก็ตาม เป้าหมายในการต่อสู้ ควรจะมีไว้เพื่อป้องกันตัว เท่านั้น จึงจะเป็นวิถีของนักสู้ที่แท้จริง!
ติดตามบทความอย่างรวดเร็วได้ที่ Facebook : Bamesae
ดูบทความอื่นๆได้ที่ Longdosi.com