ฝุ่น PM 2.5 เป็นมลพิษทางอากาศขนาดเล็ก มีชื่อเต็ม ๆ ว่า “Particulate Matter” ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน องค์ประกอบเป็นได้ทั้งของแข็ง และของเหลวในอากาศ เป็นฝุ่นที่มาจากสารเคมีหลาย ๆ ชนิด ทำปฏิกิริยากัน ไม่ว่าจะเป็นซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และแอมโมเนีย (NH3) ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง, มะเร็งปอด, โรคหัวใจ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้

5 วิธีป้องกันฝุ่นมลภาวะ PM 2.5

ทุกวันนี้ก่อนออกจากบ้าน ต้องรีบหา วิธีป้องกันฝุ่นมลภาวะ PM 2.5 กันแบบยกใหญ่ แต่ใครจะรู้บ้างว่า สาเหตุของเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี้ มาจากหลายแหล่งด้วยกัน เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน ไม้ ไฟไหม้หญ้า และชีวมวล, เชื้อเพลิงจากรถบรรทุกและรถยนต์, ควันพิษจากภาคอุตสาหกรรม, โรงไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งปัญหาการเผาไหม้ ที่ฝุ่นควันลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้าน จนกลายเป็นปัญหาในระดับชาติ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราอาจสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้แบบง่าย ๆ ดังนี้

1. ใช้เครื่องฟอกอากาศ

สำหรับใครที่กำลังมองหา ตัวเลือกในการกำจัดฝุ่น PM 2.5 คงมีไม่กี่ตัวเลือก ที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้จริง เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ สามารถกำจัดฝุ่นขนาดอนุภาค PM2.5 ได้ หากมีแผ่นกรอง HEPA, มอเตอร์พัดลมแรงสูง และอยู่ในพื้นที่ ๆ มีขนาดเหมาะสม ตลอดจนความสามารถอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มขึ้นตามราคา ซึ่งคุณอาจหาซื้อได้ไม่ยาก ตามเว็บนำเสนอสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีการันตีมาตรฐานด้วยแล้ว ก็จะมีความน่าเชื่อถือ ให้คุณอุ่นใจได้ไม่น้อย เพราะคุณภาพอากาศที่ออกมา ย่อมมีความบริสุทธิ์สูงกว่า ไม่ใช้เครื่องฟอกอากาศอย่างแน่นอน!

2. ใช้เครื่องดูดควัน และพัดลมดูดอากาศ

บางครั้ง PM2.5 ก็มาในรูปแบบของควัน ที่เกิดจากการทำอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเผลอทำอาหารนั้นไหม้ อาจทำให้เกิดกลิ่นมากมาย และแน่นอนว่ากลิ่นเหล่านั้น มักจะมาพร้อมฝุ่นอนุภาคขนาดเล็ก ดังนั้นการเปิดเครื่องดูดควันในครัว และพัดลมขณะทำอาหาร จะช่วยชะล้างอากาศ ก่อนที่จะกระจายไปส่วนอื่นๆ ภายในบ้านของคุณ

ซึ่งควรเป็นเครื่องดูดควันแบบดูดอากาศออก หรือที่เรียกว่า เครื่องดูดควันแบบระบายอากาศ หรือแบบมีท่อ แทนที่การใช้เครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน นั่นเอง เพียงเท่านี้อากาศภายในบ้านคุณ ก็จะปลอดโปร่ง ไร้ฝุ่นควันที่เป็นอันตราย และปลอดภัยสำหรับคนที่คุณรัก

3. ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศภายในอาคาร

ถึงแม้ว่า 2 วิธีแรก จะเป็นการป้องกัน ที่ได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่แนวทางป้องกันที่ถูกวิธี เพราะโดยปกติแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ควรเริ่มจากการกำจัดแหล่งกำเนิดมลพิษที่เกี่ยวข้อง หรือลดการปล่อยมลพิษให้น้อยที่สุด ซึ่งเป็นการกำจัดแหล่งที่มาของมลพิษอย่างแท้จริง เช่น เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอมปรับอากาศ เทียนหรือธูป ที่มากเกินความจำเป็น เป็นต้น สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งของ PM 2.5 แทบทั้งสิ้น ดังนั้นการกำจัดอากาศเสียภายในครัวเรือนให้บริสุทธิ์ มักจะเป็นจุดเริ่มต้น ของการลดฝุ่น PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม

4. ปรับปรุงการระบายอากาศ

วิธีการปรับปรุงคุณภาพอากาศที่ง่าย และคุ้มค่าที่สุด ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย นั่นก็คือ การเปิดประตูและหน้าต่าง วิธีนี้จะเพิ่มปริมาณอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก ให้สามารถไหลเวียนเข้ามาภายในบ้านได้ง่ายขึ้น และไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว เมื่อสภาพอากาศภายนอกเย็นกว่า

แต่ข้อจำกัดของวิธีนี้ ก็คงไม่เหมาะกับพื้นที่ ที่มีสภาพอากาศภายนอกร้อน และมีมลพิษ ดังนั้นการปรับปรุงสภาพอากาศ และการระบายอากาศในช่วงหน้าร้อน อาจต้องเพิ่มตัวช่วย อาทิ การติดตั้งพัดลม เครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศ ก็จะทำให้การระบายอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA

หากคุณต้องการลดฝุ่น PM 2.5 ในบ้าน สิ่งสำคัญก็คือ ต้องหมั่นทำความสะอาดบ้านอยู่เป็นประจำ วิธีการส่วนใหญ่ที่ใช้ คือ “การดูดฝุ่น” ซึ่งวัตถุประสงค์ก็คือ เป็นการกำจัดสิ่งปนเปื้อนเล็ก ๆ ที่ตกลงบนพื้น

แต่ถ้าเครื่องดูดฝุ่นไม่มีประสิทธิภาพที่เพียงพอ อาจกลายเป็นการทำให้ฝุ่นคลุ้ง กลับขึ้นไปในอากาศ ในปริมาณที่เยอะขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้าคุณต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA เช่นเดียวกับแผ่นกรองในเครื่องฟอกอากาศ ก็จะสามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการในข้างต้นอาจเป็นเพียง วิธีการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ภายในครัวเรือน เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณก้าวออกจากบ้าน สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาด นั่นก็คือ หน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบที่สามารถกันฝุ่น PM 2.5 ได้ ซึ่งการป้องกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านี้ ก็สามารถช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้มากกว่าที่คุณคิด!

ติดตามบทความอย่างรวดเร็วได้ที่ Facebook : Bamesae

ดูบทความอื่นๆได้ที่ Longdosi.com